หากได้ชม โดยไม่ได้รับรู้เรื่องราวก่อนๆ หน้า
ไม่ผิดที่จะรู้สึกเหมือนว่า นี่คืองานระทึกขวัญจิตวิทยา
ที่ว่าด้วยคุณพ่อผู้แสนดี ที่ต้องหาทางช่วยคุณแม่จิตหลุด
ที่ต้องดูแลลูกเพียงลำพังในขณะที่ตัวเองไปทำงานนอกบ้าน
แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ก็ได้รับรู้ว่า
นี่คืองานที่พาผู้ชมไปไกลกว่านั้น
ด้วยการสัมผัสกับโลกของผู้หญิง ที่ชีวิตต้องแบกรักกับความกดดัน
ในโลกที่การมีลูกผู้หญิงคือความน่าผิดหวัง
โลกที่ผู้ชายคือคนสำคัญ
โดยที่เธอต้องรับบทภรรยา, แม่, ลูกสาว, ลูกสะใภ้
โดยที่ต้องละทิ้งทุกอย่างที่เป็นความฝัน และความต้องการของตัวเองไป
อาจจะคล้ายๆ กับที่ Tully ของชาร์ลิซ เธอรอนนำเสนอ
แต่หนังขยายขอบเขตออกไปอีก เพราะไม่ได้มีแค่เรื่องชีวิตหลังคลอด
และยังแสดงให้เห็นทัศนคติบางอย่างของผู้ชายในสังคม
หรือกระทั่งในครอบครัว
ที่ทำให้รู้สึกถึงการแบกรับ ‘ภาระ’ มากมายที่เธอไม่ได้ก่อ
แต่เป็นเพราะดันเกิดมาเป็นผู้หญิง
หากยังดีที่เธอมีสามีที่เข้าใจ
และกล้าที่จะเปิดใจยอมรับความจริง
ทำให้หนังปิดฉากจบลงได้แบบสวยๆ และมีความหวัง
แม้จะไม่อาจทำให้โลกเปลี่ยนแปลงไปได้ในฉับพลันก็ตามที
หนังได้การแสดงชั้นดี มาส่งเรื่องที่เป็นงานในแบบเผาหัวช้าๆ
ที่ค่อยๆ เพิ่มแรงกระเพื่อมทีละนิดๆ แม้อาจจะไม่มีจุดระเบิดตูมตาม
แต่ก็เป็นบางอย่างที่คุกรุ่น เช่นเดียวกับความเป็นจริง
ที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงบนโลกบนนี้